ช่างปั้น คือ บุคคลประเภทหนึ่ง ที่มีทั้งฝีมือ และ ความสามารถเป็นช่าง ช่างปั้นลพบุรี อาจกระทำการประมวลวัสดุต่างๆ อาทิ ดิน ปูน ขี้ผึ้ง อย่างใดอย่างหนึ่ง มาประกอบเข้าด้วยกัน สร้างเป็นรูปทรงที่มีศิลปะลักษณะ พร้อมอยู่ในรูปวัตถุที่ได้สร้าง ขึ้นนั้นได้เป็นอย่างดี และ มีคุณค่าในทางศิลปกรรม
งานปั้น และ ช่างผู้ทำงานปั้นนี้ ช่างงานปั้นลพบุรี เมื่อสมัยโบราณที่ล่วงๆ ไปนั้นเรียกว่า “งานปั้น” และ “ช่างปั้น” แต่ในปัจจุบัน “งานปั้น” เปลี่ยนไปเป็น “ประติมากรรม” ซึ่งมีนัยว่า มาแต่คำภาษาบาลีว่า ปฏิมากมฺม หรือในภาษาสันสกฤตว่า ปรฺติมากรฺม ส่วนคำว่า “ช่างปั้น” ก็ได้รับความนิยม เรียกว่า “ประติมากร”
ช่างปั้น อาจกล่าวได้ว่า ช่างปูนปั้นลพบุรี เป็นช่างที่มีความสำคัญ จัดอยู่ในลำดับรองถัดลงมาแต่ช่างเขียน ความสำคัญของงานปั้น และ ช่างปั้น จึงเป็นรองงานเขียน และ ช่างเขียน กระนั้นก็ดี ช่างปั้น และ งานปั้นก็ยังมีความสำคัญ หรือ มีอิทธิพล เหนืองานช่างประเภทอื่นอยู่หลายประเภทด้วยกัน ช่างปั้นปูนลพบุรี ทั้งนี้เนื่องด้วยงานช่างบางประเภท ต้องอาศัยวิธีการบางอย่าง ของช่างปั้นนำไปเป็นแบบ ดำเนินการทำงานช่างประเภทนั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้
งานปั้นลอยตัวลพบุรี
งานปั้นแบบลอยตัวลพบุรี
ช่างปั้นประติมากรรมลพบุรี
ปูนปั้นสดลพบุรี
งานปั้นดินน้ํา มันลอยตัวลพบุรี
งานปั้นลอยตัวง่ายๆลพบุรี
งานปั้นปูนสดลพบุรี
ปรึกษาคิวงานคุณเฟญ่า








การปั้นหล่อพระพุทธรูปแบบไทยประเพณี เป็นงานช่างแขนงหนึ่งในงานช่างสิบหมู่ของไทย ช่างงานปั้นลพบุรี จัดอยู่ในกลุ่มงานช่างหล่อซึ่งต้องเกี่ยวเนื่องกับงานปั้น เนื่องจากเมื่อจะทำรูปโลหะหล่อก็ต้องจัดการปั้นหุ่นรูปนั้นๆ ขึ้นเสียก่อน แล้วจึงเปลี่ยนสภาพรูปหุ่นนั้นเป็นรูปโลหะหล่อ กระบวนการแต่ละขั้นตอนจึงมีความสัมพันธ์กัน การปั้นหล่อพระพุทธรูปแบบประเพณีมีขั้นตอนโดยสังเขป ดังนี้
การปั้น เริ่มจากการขึ้นหุ่นและการปั้นดินแกนหรือดินหุ่นเพื่อเป็นหุ่นแกนทรายชั้นใน ขั้นตอนต่อไปคือ งานปั้นลอยตัวลพบุรี การทำรางรูป ตัววี ทั้งรางแกนและรางกิ่ง เพื่อเป็นทางให้โลหะหลอมละลายไหลเข้าแม่พิมพ์แทนที่ขี้ผึ้งที่ถูกขับไปจากแม่พิมพ์ จากนั้นเป็นงานทาดินมอม คือ การลงนํ้ายาชนิดหนึ่งประกอบด้วยผงขี้เถ้า ดินเหนียว และนํ้าพอสมควรผสมเข้าด้วยกันอย่างเข้มข้น เพื่อให้พื้นผิวหุ่นเรียบแน่น ตามด้วยงานทาเทือกคือการลงนํ้าเมือกชนิดหนึ่งสำหรับงานหล่อโลหะประกอบด้วยขี้ผึ้งแท้ นํ้ามันยาง เคี่ยวให้เข้ากันจนข้น เพื่อทำให้ผิวของหุ่นแกนทรายพร้อมสำหรับขั้นตอนการเข้าขี้ผึ้งหรือหุ้มขี้ผึ้งจากนั้น จึงเป็นการปั้นแต่งรายละเอียดของประติมากรรมต้นแบบให้สมบูรณ์
การทำแม่พิมพ์ เริ่มจากการทาดินนวล คือ ดินเหนียวตากแห้ง ป่นร่อนเป็นผงดินละเอียด ผสมนํ้าขี้วัว กวนให้เข้ากัน นำมาทาทับรูป ๓ ครั้งงานปั้นแบบลอยตัวลพบุรี แต่ละครั้งต้องผึ่งดินนวลให้แห้งเสียก่อน จากนั้นเป็นการตอกทอย ซึ่งเป็นเหล็กเส้นสั้นๆ ปลายแหลมตอกผ่านขี้ผึ้งไปติดหุ่นแกนทรายให้แน่น เพื่อยึดหุ่นแกนทรายกับแม่พิมพ์ชั้นที่ ๑ มิให้เคลื่อนเวลาสุมไฟไล่ขี้ผึ้ง จากนั้นติดสายชนวนขี้ผึ้ง เพื่อเป็นทางขับขี้ผึ้งจากแม่พิมพ์ ขั้นตอนต่อไปเป็นการทับดินอ่อน คือ ดินนวลผสมกับทรายละเอียดและนํ้า นวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว โดยพอกทับรูปขี้ผึ้งที่ตอกทอยและติดสายชนวนขี้ผึ้งเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นแม่พิมพ์ชั้นที่ ๑ จากนั้น พอกทับด้วยดินแก่ คือ ดินที่มีส่วนผสมเป็นดินเหนียวและทรายละเอียดเจือนํ้า ขยำจนเป็นเนื้อเดียวกัน โดยพอกให้มีความหนากว่าดินอ่อนเล็กน้อยเพื่อเป็นแม่พิมพ์ชั้นที่ ๒ ตามด้วยการเข้าลวด คือ การเอาลวดรัดขัดร้อยเป็นตารางสี่เหลี่ยม เพื่อมาล้อมรัดแม่พิมพ์ป้องกันความร้อนหรือความกดดันภายในที่อาจเบ่งให้แม่พิมพ์แตกจากนั้นเป็นการเข้าดินทับปลอก คือ การนำดินแก่พอกทับแม่พิมพ์ชั้นที่ ๒ ที่เข้าลวดรัดไว้ เพื่อเป็นแม่พิมพ์ชั้นที่ ๓ ผึ่งแม่พิมพ์ให้แห้ง ๔-๗ วัน ต่อมาทำปากจอบหรือช่องกลวง ซึ่งทำขึ้นสำหรับเททองลงไปในแม่พิมพ์ และทำรูผุดริมขอบแม่พิมพ์ซึ่งทำเป็นช่องกลวงสำหรับระบายอากาศ
การหล่อโลหะ หรือ การเททอง เริ่มจากการล้มหุ่น รับทำงานปั้นลพบุรี คือการเคลื่อนย้ายแม่พิมพ์ที่หุ้มหุ่นขี้ผึ้งไปยังบริเวณที่จะเททองและการขึ้นทน คือการยกแม่พิมพ์กลับเอาด้านล่างขึ้นมาตั้งบนแท่นที่จะเททอง ทำนั่งร้าน และติดรางถ่ายขี้ผึ้ง เพื่อเป็นรางรองรับขี้ผึ้งที่ถูกละลายออกมาจากแม่พิมพ์ ต่อจากนั้นคือการสุมแม่พิมพ์โดยสุมไฟให้แม่พิมพ์ร้อนจัดจนสำรอกขี้ผึ้งออกไปจากแม่พิมพ์ ตามด้วยการหลอมทองให้ละลาย และนำไปเทลงใส่แม่พิมพ์หลังจากที่ทองเย็นตัวลงแล้ว จึงทุบแม่พิมพ์ รื้อลวดที่รัดออกตกแต่งความเรียบร้อยหลังการหล่อ ตามด้วยการรมดำ หรือลงรักปิดทองเป็นลำดับสุดท้าย
กรรมวิธีการปั้นหล่อพระพุทธรูปตามขนบประเพณีแบบโบราณของไทย สะท้อนถึงภูมิปัญญาในการเลือกใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นอย่างเหมาะสม ช่างปั้นประติมากรรมลพบุรี รวมทั้งมีเทคนิคการหล่อที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถหล่อเนื้อโลหะได้บาง ด้านในพระพุทธรูปกลวง งานช่างปั้นหล่อพระพุทธรูป จึงถือว่าเป็นงานประติมากรรมพุทธศิลป์ที่ทรงคุณค่า และยังเป็นส่วนหนึ่งที่จรรโลงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ในสังคมไทยมาโดยตลอด
งานเททอง
งานเททอง มีขั้นตอนที่จะต้องจัดทำ หรือ เตรียมงานขึ้น ก่อนการเททองอยู่หลายขั้นตอนด้วยกัน คือ
- การล้มหุ่นคือ การเคลื่อนย้ายแม่พิมพ์ ที่ได้จัดทำหุ้มหุ่นขี้ผึ้งขึ้นไว้ นำไปยังบริเวณที่จะทำการเททอง
- การขึ้นทนคือ การยกแม่พิมพ์ที่ได้ย้ายมา ขึ้นตั้งบนแท่นที่ซึ่งจะทำการเททอง ปูนปั้นสดลพบุรี โดยยกแม่พิมพ์กลับเอาด้านล่าง ตั้งขึ้น
- การทำปากจอก “ปากจอก” คือ ช่องกลวงๆ ทำขึ้นไว้สำหรับเททอง หรือ โลหะหลอมเหลวลงไปในแม่พิมพ์อยู่ตรงริมแม่พิมพ์
- การทำรูผุด “รูผุด” คือ ช่องกลวงๆ สำหรับเป็นทางระบายอากาศ และ ความร้อนออกจากแม่พิมพ์ งานปั้นจากดินลพบุรี อยู่ริมขอบแม่พิมพ์ สลับกับปากจอก
- การปิดกระบาน “กระบาน” คือ ฝาปิดปากจอก และรูผุด ทำด้วยดินเหนียวผสมขี้เถ้าแกลบ งานปั้นลอยตัวง่ายๆลพบุรี ปั้นเป็นแผ่นกลมๆ คล้ายงบน้ำอ้อย ตากแห้ง นำมาปิดบนปากจอก และ รูผุดเพื่อกันความร้อนหนีออกจากแม่พิมพ์ขณะสุมไฟให้พิมพ์ร้อน
- การติดรางถ่ายขี้ผึ้ง “ร่างถ่ายขี้ผึ้ง” ทำด้วยแผ่นเหล็กบางๆ ตีให้โค้งคล้ายกาบกล้วย งานปั้นดินน้ํา มันลอยตัวลพบุรี นำรางนี้วางรับปากกระบวน คือ ปลายสายชนวนที่อยู่ตอนล่าง ของแม่พิมพ์เพื่อถ่ายเทขี้ผึ้งในแม่พิมพ์ที่ละลายออกมา เมื่อแม่พิมพ์ได้รับการสุมไฟให้ร้อนขึ้นตามขนาด สุดปลายรางถ่ายขี้ผึ้งนี้ขุดพื้นดินให้เป็นหลุมลึกพอสมควร ใส่อ่างดินไว้ก้นหลุมสำหรับรับขี้ผึ้งที่ไหลออกมา ทางกระบวนผ่านรางลงมา
การสุมแม่พิมพ์
ก่อนการจะเททอง หรือ เทโลหะหลอมเหลวลงในแม่พิมพ์ จะต้องจัดการสุมไฟ ทำให้แม่พิมพ์ร้อนจัด งานปั้นการ์ตูนลพบุรี เพื่อสำรอกขี้ผึ้ง ที่ได้ปั้นทำเป็นหุ่นอยู่ภายในแม่พิมพ์ หลอมเหลวละลายแล้วไหลออกมาจากแม่พิมพ์ทางช่องชนวน และกระบวนผ่านราง ถ่ายขี้ผึ้งให้หมดไปจากข้างในแม่พิมพ์ ซึ่งขั้นตอนนี้เรียกว่า “สูญขี้ผึ้ง” คือ ขับขี้ผึ้งให้หายออกไปจากข้าง ในแม่พิมพ์ จึงจะจัดการเททอง เข้าไปในช่องว่างในแม่พิมพ์ แทนที่ขี้ผึ้งที่ถูกขับให้สูญไปนั้น
เมื่อสุมพิมพ์ไล่ขี้ผึ้งจนหมดแล้ว และ แม่พิมพ์สุกพอดี จึงเริ่มราไฟลงตามลำดับ ระหว่างที่ลดไฟลงนี้เรียกว่า “บ่มพิมพ์”
พอบ่มไปได้สักระยะหนึ่ง จึงจัดการรื้อเตาออก จัดการพรมน้ำ ดับความร้อนบริเวณพื้นดินใกล้เตา และนำม้านั่งร้านมาเทียบแม่พิมพ์ เตรียมไว้สำหรับช่างหล่อ จะยกเบ้าหลอมขึ้นไปเททองต่อไป
การหลอมทอง
การหลอมทอง คือ การแปรสภาพโลหะด้วยความร้อน ให้เป็นของเหลว เพื่อจะนำไปเทใส่ลงในแม่พิมพ์ งานปั้นปูนสดลพบุรี การหลอม หรือ ภาษาช่างหล่อเรียกว่า “สุมทอง” นี้จะต้องทำไปพร้อมๆ กันกับการสุมแม่พิมพ์ จึงจะเททองได้พอดีกัน
การเททอง
การเททอง เป็นงานหล่อขั้นล่าสุด ช่างหล่อ จะนำดินผสมทรายไปปิดอุดปากกระบวนเสียก่อน และใช้น้ำดินที่ เรียกว่า “ฉลาบ” พรมที่แม่พิมพ์ให้ทั่ว เพื่อประสานผิวแม่พิมพ์ให้สนิท จัดการเปิดกระบวนออกจากปากจอก และรูผุด ให้หมด จึงนำเบ้าใส่น้ำทอง ขึ้นมาเทกรอกลงในช่องปากจอกตามลำดับกันไป จนกระทั่งน้ำทองนั้นเอ่อขึ้นมาล้นรูผุด จึงหยุดการเททอง ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ว่า ทองขังเต็มช่องว่างในแม่พิมพ์นั้นแล้ว ก็เป็นเสร็จสิ้นธุระในการเททอง
การทุบพิมพ์
ภายหลังการเททองเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ต้องปล่อยแม่พิมพ์ และทอง หรือโลหะในแม่พิมพ์นั้นเย็นลงไปเองตามลำดับ ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ ๒–๓ วัน จึงจัดการทุบแม่พิมพ์ รื้อแก้ลวดที่รัดแม่พิมพ์ออกให้หมด จนกระทั่งปรากฏ รูปประติมากรรมโลหะหล่อ ที่ได้เททองทำขึ้นนั้น
การตกแต่งความเรียบร้อย
เมื่อจัดการทุบทำลายแม่พิมพ์ออกหมด จนได้รูปประติมากรรมตามต้องการ แต่ยังเป็นรูปที่ไม่สู้เรียบร้อยดีจะ ต้องทำความสะอาดตกแต่งให้ดีงามต่อไป
อนึ่ง เนื่องด้วยคนไทยนิยม และ ยินดีกับรูปประติมากรรม ช่างงานปั้นลพบุรี โดยเฉพาะพระพุทธปฏิมากรที่มีผิวเกลี้ยงเรียบ อย่างที่ในหมู่ช่างหล่อ เรียกว่า “ผิวตึง” ดังนี้ งานประติมากรรม โลหะหล่อที่จัดเป็นศิลปแบบไทยประเพณี จึงต้องขัดแต่งทำให้ผิวเกลี้ยง และเรียบเสมอกันทั้งรูป หรือ ลงรักปิดทองให้สวยงาม

การคมนาคม
ลพบุรีอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวก สามารถเดินทางสู่ตัวจังหวัดได้หลายวิธี
- ทางรถไฟ มีทางรถไฟสายเหนือ (กรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่)
ในระบบรางคู่ถึงตัวจังหวัด และผ่านไปสู่ภาคเหนือ และในอนาคตอันใกล้กำลังจะมีการดำเนินการสร้างทางรถไฟรางคู่ต่อจากลพบุรีขึ้นไปทางเหนือ (ลพบุรี-ปากน้ำโพ)
ทางรถยนต์ (การเดินทางจากจังหวัดต่างๆ มายังจังหวัดลพบุรี)
ใช้ถนนพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 จาก กรุงเทพ-สระบุรี-ถึงลพบุรี เป็นระยะทาง 153 กิโลเมตร
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 311 (แยกต่างระดับสิงห์บุรีใต้)เพื่อเข้า ทางอ.ท่าวุ้ง-ลพบุรี
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 334 ข้ามสะพานต่างระดับอ่างทอง แล้วตรงไปจะเข้าทางหลวงหมายเลข 3267 ขับมาเรื่อยๆจะพบสี่แยก ให้เลี้ยวซ้าย เข้าทางหลวงหมายเลข 3196 เพื่อมุ่งหน้าสู่ อ.บ้านแพรก-ลพบุรี
- จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347 (ลพบุรี-ปทุมธานี) หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 32 จาก อยุธยา-อ.บางปะหัน(ข้ามแยกต่างระดับบางปะหัน) ไปตาม ทางหลวงหมายเลข 347 จนถึง อ.มหาราช (ก็สิ้นสุดทางหลวงหมายเลข 347) แล้วไปเชื่อมทางหลวงหมายเลข 3196 ผ่าน อ.บ้านแพรก เข้าสู่ ลพบุรี
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 สระบุรี-อ.เฉลิมพระเกียรติ-แยกพุแค-อ.พระพุทธบาท-ลพบุรี
มีอยู่ 2 เส้นทาง ดังนี้
- เส้นทางที่1 ใช้ทางหลวงหมายเลข 2068 ผ่าน อ.ขามทะเลสอ เข้าทางหลวงหมายเลข 2148 ผ่าน อ.ด่านขุนทด แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 201(สีคิ้ว-ชัยภูมิ) จะถึงสามแยก แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2256 ผ่านอ.ท่าหลวง แล้วเชื่อมถนนสุรนารายณ์ ให้ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 205 จะพบสี่แยกม่วงค่อม แล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 205 ผ่านอ.โคกสำโรง จะพบสี่แยกไปรษณีย์(อ.โคกสำโรง) ให้ตรงไปเข้าถนนพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าสู่ ลพบุรี
- เส้นทางที่2 จากนครราชสีมา ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (AH12) ผ่านอ.สูงเนิน-อ.สีคิ้ว-อ.ปากช่อง-อ.มวกเหล็ก-อ.แก่งคอย ขับมาเรื่อยๆ จะพบสะพานต่างระดับแยกบายพาสเลี่ยงเมืองสระบุรี เบี่ยงซ้ายใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 362 (เลี่ยงเมืองสระบุรีด้านทิศตะวันออก) ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 362 จนถึงต่างระดับแพะโคก(ด้านทิศเหนือ) แล้วเลี้ยวขวาไปตาม ทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเข้าถนนพหลโยธินสาย สระบุรี-ลพบุรี
- จากจังหวัดชัยภูมิ
จากชัยภูมิ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 จนถึง อ.จัตุรัส เลี้ยวขวาที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติเทศบาลจัตุรัส เข้าทางหลวงหมายเลข 2179 ถึง อ.บำเหน็จณรงค์ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2069 จนถึง สี่แยกทางหลวงหมายเลข 205 (ถนนสุรนารายณ์) เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 205 ผ่าน อ.เทพสถิตย์-อ.ลำสนธิ แล้วเข้าสู่ สี่แยกอ.ชัยบาดาล แล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 205 มุ่งหน้าสู่ลพบุรี
จากเพชรบูรณ์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 (ถนนคชเสนีย์) ผ่าน อ.หนองไผ่-อ.วิเชียรบุรี-อ.ศรีเทพ เมื่อผ่านอ.ชัยบาดาล ตรงมาจะพบสี่แยก ม่วงค่อม แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 205 มุ่งหน้าสู่ อ.โคกสำโรง-ลพบุรี
มีอยู่ 4 เส้นทาง ดังนี้
- เส้นทางที่1 จากจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (AH1-AH2) ผ่าน อ.พยุหะคีรี-ผ่านสี่แยกเข้าอุทัยธานี-ผ่านสามแยกหลวงพ่อโอ-ชัยนาท-อ.อินทร์บุรี- เมื่อเข้าสิงห์บุรี จะพบทางแยกต่างระดับ(แยกต่างระดับสิงห์บุรีใต้) ให้เลี้ยวซ้าย ออกไปตามทางหลวงหมายเลข 311 เพื่อไปอ.ท่าวุ้ง-ลพบุรี
- เส้นทางที่2 จากจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (AH1-AH2) ผ่าน อ.พยุหะคีรี-ผ่านสี่แยกเข้าอุทัยธานี-ผ่านสามแยกหลวงพ่อโอ ขับมาเรื่อยๆจะพบสะพานต่างระดับ(แยกเข้าชัยนาท) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธินAH1)ผ่าน อ.ตาคลี-อ.ตากฟ้า-อ.หนองม่วง-อ.โคกสำโรง แล้วมุ่งหน้าสู่ลพบุรี
- เส้นทางที่3 จากจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (AH1-AH2) ผ่าน อ.พยุหะคีรี-ผ่านสี่แยกเข้าอุทัยธานี-ผ่านสามแยกหลวงพ่อโอ ขับมาเรื่อยๆจะพบสะพานต่างระดับ(แยกเข้าชัยนาท) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธินAH1) ขับมาตามทางหลวงหมายเลข 1 เรื่อยๆจะพบสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3196 (เลียบคลองชลประทาน) ผ่านทางลอดใต้สะพาน (ใต้ทางหลวงหมายเลข11) ตรงไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3196 จะเข้าสู่ บ้านจันเสน-ผ่านสี่แยกเข้าอ.บ้านหมี่ ให้ตรงไป มุ่งหน้าสู่ ลพบุรี
- เส้นทางที่4 จากจังหวัดนครสวรรค์ มาตามถนนพหลโยธิน จะพบกับสี่แยกค่ายจิรประวัติ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3004 (จิรประวัติ-ท่าตะโก) ผ่านตลาดสถานีรถไฟนครสวรรค์ มาตามทางหลวงหมายเลข 3004 เรื่อยๆจะพบกับสามแยก(ก่อนถึงอ.ท่าตะโก) แล้วเลี้ยวขวามาตาม ทางหลวงหมายเลข 1145 จนถึง 3 แยกหอนาฬิกาอ.ตากฟ้า แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพหลโยธินAH1 เพื่อไป จังหวัดลพบุรี
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางคมนาคมสายสำคัญซึ่งตัดผ่านจังหวัดข้างเคียง คือ เส้นทางรถไฟสายอีสาน และทางหลวงแผ่นดินหมายเลขที่ 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัดที่มีเขตติดต่อกันคือจังหวัดสระบุรี และยังมีถนนสายเอเชียตัดผ่านจังหวัดที่มีเขตติดต่อกันคือจังหวัดสิงห์บุรี
ถนนสายสำคัญในจังหวัด
ระยะทางจากอำเภอเมืองลพบุรีไปยังอำเภอต่าง ๆ
- อำเภอท่าวุ้ง ระยะทาง 15 กิโลเมตร
- อำเภอบ้านหมี่ ระยะทาง 32 กิโลเมตร
- อำเภอโคกสำโรง ระยะทาง 35 กิโลเมตร
- อำเภอพัฒนานิคม ระยะทาง 51 กิโลเมตร
- อำเภอหนองม่วง ระยะทาง 54 กิโลเมตร
- อำเภอสระโบสถ์ ระยะทาง 65 กิโลเมตร
- อำเภอโคกเจริญ ระยะทาง 77 กิโลเมตร
- อำเภอท่าหลวง ระยะทาง 83 กิโลเมตร
- อำเภอชัยบาดาล ระยะทาง 97 กิโลเมตร
- อำเภอลำสนธิ ระยะทาง 120 กิโลเมตร
ระยะทางจากจังหวัดลพบุรีไปยังจังหวัดใกล้เคียง
- ลพบุรี-สิงห์บุรี ระยะทาง 33 กิโลเมตร
- ลพบุรี-อ่างทอง ระยะทาง 45 กิโลเมตร
- ลพบุรี-สระบุรี ระยะทาง 46 กิโลเมตร
- ลพบุรี-ชัยนาท ระยะทาง 86 กิโลเมตร
- ลพบุรี-อยุธยา ระยะทาง 91 กิโลเมตร
- ลพบุรี-นครสวรรค์ ระยะทาง 129 กิโลเมตร
- ลพบุรี-กรุงเทพฯ ระยะทาง 153 กิโลเมตร
- ลพบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 195 กิโลเมตร
- ลพบุรี-ชัยภูมิ ระยะทาง 230 กิโลเมตร
- ลพบุรี-เพชรบูรณ์ ระยะทาง 236 กิโลเมตร